the Bedtime Stories ดอกแสงจันทร์กับนิทานก่อนนอน - the Bedtime Stories ดอกแสงจันทร์กับนิทานก่อนนอน นิยาย the Bedtime Stories ดอกแสงจันทร์กับนิทานก่อนนอน : Dek-D.com - Writer

    the Bedtime Stories ดอกแสงจันทร์กับนิทานก่อนนอน

    เมื่อเจ้าหญิงซาแมนธาร์ผู้เลอโฉมโดนวางยาพิษ จึงเป็นภารกิจของพวกเขาชายหนุ่มที่ต้องหายาแก้พิษมาให้นาง โดยมีหัวใจนางเป็นเดิมพัน!!!!

    ผู้เข้าชมรวม

    394

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    394

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  20 ก.ย. 55 / 18:06 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น


    ซาแมนธาร์ เจ้าหญิงผู้เลอโฉม เธอโดนวางยาพิษจนกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา


    เอดริก  ชายหนุ่มทหารรับจ้างปลายแถวผู้ต้อยต่ำ

    มิคาเอลลิส เอิร์ลหนุ่มแห่งตระกูลผู้สูงศักดิ์

    เจราล บุตรชายพ่อค้าที่มั่งคั่งที่สุดในเมือง

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

                      ผ้าผืนใหญ่สีดำทอพาดขอบฟ้า มีดวงดาวประดับประดาเหมือนเพชรพลอยล้ำค่า ดวงจันทร์สีเงินยวงทอแสงส่องเข้าไปในห้องนอนห้องหนึ่งของคฤหาสน์แห่งหนึ่ง เด็กชายตัวน้อยยังไม่เข้าสู่ห้วงนิทราภิรมย์ ร่างเล็กพลิกตัวไปมาอยู่บนที่นอนอย่างเบื่อหน่าย เขายังไม่ง่วงนอน เขาอยากฟังพ่อเล่านิทานให้ฟังก่อนนอนเหมือนทุกคืน แต่วันนี้พ่อของเขามาช้าเหลือเกิน

                      “ร็อบนอนหรือยัง” เสียงทุ้มหน้าเอ่ยขึ้นที่หน้าประตูห้อง พ่อของเขามาแล้ว

                      “ยังครับ ผมรอพ่ออยู่”เด็กชายยิ้ม

                      ชายหนุ่มวัยกลางคนเดินมาที่เตียงของลูกชาย ก่อนจะสอดตัวเองมาใต้ผ้าห่มเพื่อนอนด้วย

                      “พ่อเล่านิทานให้ผมฟังได้หรือเปล่าครับคืนนี้”เด็กชายถาม

                      “ได้สิ จะเอาเรื่องอะไรดีล่ะ”ชายหนุ่มคิด

      “กระต่ายกับเต่าไหม?”เขาเสนอ

      “ไม่เอา เรื่องนั้นพ่อเล่าแล้ว”เด็กชายค้าน

      “แล้วหนูกับราชสีห์ล่ะ”

      “ก็เล่าแล้วอีกเหมือนกัน”

      “ถ้าอย่างนั้น…….เอาเรื่องนี้ดีกว่า มันเป็นเรื่องเมื่อนานมาแล้วของดินแดนแห่งนี้ มันเป็นความลับไม่มีใครรู้ แต่พ่อจะเล่าให้ลูกฟัง”

      “เรื่องอะไรครับ”เด็กชายสนใจ ดวงตาเป็นประกายด้วยความอยากรู้

      “เรื่องเจ้าหญิงนิทรา”

      กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ ดินแดนแห่งนี้ ยังเคยมีตำนานเรื่องเจ้าหญิงนิทราอยู่ ดินแดนแห่งนี้มีพระราชาและพระราชินีที่ปกครองชาวเมืองอย่างเป็นสุข ทั้งสองพระองค์มีบุตรีอยู่1พระองค์ รูปโฉมงดงามมีนามว่า ซาแมนธาร์ แต่โชคร้ายที่วันหนึ่ง

      ในขณะที่เจ้าหญิงกำลังเสด็จชมสวนดอกไม้อยู่นั้น ก็มีหญิงชรานำดอกกุหลาบสีแดงสดมาให้นาง ซาแมนธาร์ชอบทันทีตั้งแต่แรกเห็น ทันทีที่นางจับก้านดอกกุหลาบดอกนั้น หนามแหลมของมันที่อาบยาพิษไว้ก็ทิ่มนิ้วนางทันที  แล้วเจ้าหญิงก็สลบไป ทหารหลวงจับหญิงแก่คนนั้นไว้

      ทราบภายหลังว่าหญิงชราเป็นคนไส้ศึกของเมืองศัตรูที่หมายจะทำร้ายเจ้าหญิงที่เป็นแก้วตาดวงใจของพระราชาและพระราชินี 

      หมอหลวงทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาเจ้าหญิง แต่นางก็ไม่ฟื้นขึ้นมา พระราชาเสด็จไปที่คุกหลวงเพื่อไปหาหญิงชราและถามว่าทำอย่างไรเจ้าหญิงถึงจะฟื้นขึ้นมา แลกกับอิสรภาพที่นางจะได้รับ

                      “เจ้าจงบอกข้า ว่าเหตุใดธิดาของเราถึงยังไม่ฟื้น หากเจ้าบอกความจริง ข้าจะปล่อยเจ้าไป”

                      หญิงชราตอบอย่างไม่ลังเลทันทีว่า “เจ้าหญิงโดนยาพิษที่ไม่มียาแก้ นอกจากต้นแสงจันทร์ที่อยู่ทางป่าด้านเหนือของเมืองนี้”

                      พระราชาประกาศหาคนที่จะนำดอกแสงจันทร์มารักษาเจ้าหญิงทันที ถ้าผู้ใดหาพบจะได้อภิเษกสมรสกับเจ้าหญิง แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีใครมาสมัคร เนื่องด้วยว่าป่าด้านเหนือเป็นป่าต้องห้าม ไม่มีใครเข้าไปในนั้นเกือบจะเป็นร้อยปีแล้ว เพราะข่าวลือเกี่ยวกับสัตว์ดุร้ายนานาชนิด และสิ่งลี้ลับที่อยู่ในนั้น จนวันสุดท้ายก็มีผู้มาสมัครสามคน

                      ชายคนแรกชื่อ “มิคาเอลลิส ไฮก์ เอิร์ลผู้สูงศักดิแห่งตระกูลไฮก์

                      ชายคนที่สองชื่อ “เจราล เอลวิส”บุตรชายของพ่อค้าที่มั่งคั่งที่สุดในเมือง

                      ชายคนที่สามชื่อ “เอดริก เอเดน”เป็นทหารรับจ้าง     

                      สองสูงศักดิ์และหนึ่งต่ำต้อย  ไม่แปลกเลยที่ทั้งมิคาเอลลิสและเจราลจะดูถูกดูแคลนเอดริก ด้วยเพราะรูปร่างหน้าตาสกปรกมอมแมม แต่งตัวด้วยผ้าเก่าดูท่าทางเหมือนคนไม่เคยได้รับการศึกษา  ทำให้เอดริกจะดูเหมือนเป็นแค่คนรับใช้ในภารกิจนี้เท่านั้น

                      เมื่อถึงเช้าวันเดินทาง พระราชา พระราชินีและชาวเมือง ต่างเดินทางมาให้กำลังใจชายหนุ่มทั้งสามให้นำดอกแสงจันทร์มารักษาเจ้าหญิงให้ได้

                      ทั้งสามคนโบกมือลาพระราชา พระราชินีและชาวเมืองก่อนเดินเข้าไปในป่าใหญ่ เมื่อเดินเข้าไปได้สักครู่  เจราลก็ทิ้งสัมภาระของเขาลงกับพื้นแล้วพูดว่า

                      “เอดริก เจ้าเป็นถึงทหาร จะช่วยข้าแบกของพวกนี้ให้ข้าทีได้หรือไม่”

                      “ได้สิ ข้ายินดี”เอดริกยิ้มก่อนจะหยิบสัมภาระของเจราลขึ้นมาแบก

                      “ท่านก็ด้วยสิ มิคาเอลลิส”เจราลเชิญชวนมิคาเอลลิสให้ทำแบบเขา มิคาเอลลิสมีท่าทางฉุกใจคิดอยู่แวบหนึ่งแต่สุดท้ายก็นำสัมภาระให้เอดริกแบก

                      งานต้อยต่ำอย่างนี้ก็เหมาะกับคนต้อยต่ำอย่างเจ้าแล้วล่ะนะ’ มิคาเอลลิสคิด

                      ทั้งสามเดินทางเข้าไปในป่าลึก จนล่วงเข้าเวลาพลบค่ำ ฟ้าเริ่มมืดลง หมอกหนาเริ่มโรยตัวสู่ผืนป่า มิคาเอลลิสเหนื่อยหอบ ลูกคุณหนูอย่างเขา ไม่เคยต้องทำอะไรแบบนี้หรอก นี่ถ้าไม่ติดว่าอยากจะได้เชยชมเจ้าหญิง เขาคงไม่ตกปากรับคำเข้ามาในป่านี่  

                      “โอ๊ย”มิคาเอลลิสล้มลง ทางเดินในป่ารกชัฏมาก เขาไม่สามารถมองได้เลยว่าตรงไหนจะเดินได้อย่างปลอดภัย แล้วยิ่งใกล้มืดแล้วแบบนี้ยิ่งลำบาก มิคาเอลลิสเงยหน้ามองหาเพื่อนร่วมทางอีกสองคนให้ช่วยเหลือ แต่พบว่าไม่มีใครอยู่ตรงนั้นแล้ว หมอกหนาบังตาเหลือเกิน

                      ใกล้ค่ำแบบนี้เขาอยู่คนเดียวมันอันตราย มิคาเอลลิสลุกขึ้นก่อนจะเดินกะเผลกออกตามหาอีกสองคนที่เหลือ  โดยที่ไม่รู้เลยว่าทางที่ตัวเองกำลังเดินไปนั้นมันเป็นคนละทางกับที่สองคนที่เหลือเดินไป

                      ยิ่งมืดค่ำ ทางเดินก็ยิ่งมืดมากขึ้น เสียงสัตว์ป่าร้องขานรับกันไปมาระหว่างพวก ยิ่งทำให้มิคาเอลลิสขวัญเสีย เขารีบเร่งฝีเท้าจนไม่รู้สึกตัวว่ากำลังย่ำลงไปบนโคลน

                      ขาทั้งสองข้างเริ่มยกออกจากโคลนไม่ขึ้น รวมถึงความรู้สึกที่ว่าตัวทั้งตัวกำลังจะจมลงไปในโคลน นี่เขากำลังจมอยู่ในบ่อโคลนดูดเหรอนี่

                      ช่วยด้วย!!!!”

       

                                      เอดริกหันกลับมามองเพื่อนร่วมทีม เมื่อเห็นว่ามิคาเอลลิสหายไป เขาจึงถามเจราลด้วยความตกใจ ท่านมิคาเอลลิสหายไปไหน

                      “ไม่รู้สิ เขาก็เดินตามพวกเรามาอยู่นี่”

                      เราต้องออกตามหาเขา นี่ใกล้มืดแล้ว มันอันตรายมาก” เอดริกพูด ก่อนจะเดินกลับไปทางที่เดินผ่านมา

                      “เฮ้ เจ้าแต่นี่มันมืดมากแล้วนะ เราต้องหาที่พัก เฮ้”เจราลท้วง แต่เอดริกก็ไม่ได้หย่อนฝีเท้าลง

                      เอดริกเดินมาหยุดที่บ่อโคลนดูด เขาเห็นรอยเท้าคนเดินลงไปในบ่อ เอดริกหันมองตามรอยเท้า ก่อนจะพบเพียงแค่แขนที่ชูสุดมือของมิคาเอลลิส มิคาเอลลิสรีบเอาเถาวัลย์มาพันต่อก่อนจะยื่นอีกด้านหนึ่งของปลายเถาวัลย์ให้เจราล ท่านช่วยข้าหน่อย

                      “คือว่า......ข้า......”เจราลอึกอัก

                      เอดริกรอคำตอบของเจราลไม่ได้ เขารีบเดินไปที่ต้นไม้ใหญ่ก่อนจะพันเถาวัลย์กับต้นไม้ใหญ่อย่างแน่นหนา ก่อนจะเดินเข้าไปในบ่อโคลนดูด แล้วรีบจับมือมิคาเอลลิสไว้ แล้วดึงเชือกพาตัวเองกับมิคาเอลลิสขึ้นไปบนฝั่ง

                      ซู่ววววววววววว

                      แล้วฝนก็ตกลงมา

       

                      มิคาเอลลิสตื่นขึ้นมาในถ้ำใหญ่ เขามองเห็นเจราลกำลังนั่งอยู่ข้างๆ ไม่ไกลออกไปมีเอดริกกำลังก่อไฟอยู่ เสื้อผ้าเขาถูกเปลี่ยนหมดแล้ว ทุกคนก็ด้วย ฝนกำลังตกหนัก

                      ท่านฟื้นแล้วรึเจราลเอ่ย เขารีบเข้ามาดูมิคาเอลลิสทันที ข้าแปลกใจที่ไม่เห็นท่านเดินตามมา จึงย้อนกลับไปดู เห็นท่านอยู่ในอันตรายก็เลยช่วยท่านขึ้นมา

                      “ท่านช่วยข้าไว้ ชีวิตข้าเป็นหนี้ท่านเหลือเกิน

                      “ข้าบอกเอดริกให้เขามาช่วยท่านด้วย แต่เขาก็ไม่ยอมมัวแต่ยืนเฉย

                      “ทหารเลว”มิคาเอลลิสเอ่ยด้วยความไม่พอใจ

                      เช้าวันรุ่งขึ้นทุกคนออกเดินทางอีกครั้ง ท่าทีที่มิคาเอลลิสเคยเย็นชากับเอดริก ยิ่งเย็นชาลงไปอีก ทุกคนเดินทางโดยไม่ได้หยุดพัก จนฟ้ามืดก็ยังหาที่พักไม่ได้  คืนนี้พระจันทร์เต็มดวงทอแสงส่องสว่างไปทั่วป่า ทั้งสามเดินทางมาถึงริมผา

                      “เฮ้ นั่นมันดอกแสงจันทร์นี่”เจราลพูดขึ้นมาก่อนจะชี้ไปที่ดอกแสงจันทร์ที่ขึ้นอยู่บนก้อนหินใหญ่ ด้วยความรีบร้อนเจราลจึงวิ่งชนมิคาเอลลิสจนเซ

                      เฮ้ยมิคาเอลลิสร้อง ร่างของเขาร่วงตกจากผาไป

                      หมับ

      มือของใครคนหนึ่งจับมือเขาไว้ เขาเงยหน้าขึ้นมองเพราะคิดว่าเป็นเจราลแน่ๆที่ช่วยเขา

                      แต่ไม่ใช่ เอดริกต่างหาก

                      มิคาเอลลิสตกใจที่คนที่ช่วยเขาไม่ใช่เจราล  แล้วสายตาเขาก็เหลือบไปเห็นดอกแสงจันทร์ที่ขึ้นอยู่ที่หน้าผา มือของเขาสามารถเอื้อมถึงมันได้

                      เอดริกรีบดึงตัวมิคาเอลลิสขึ้นมา

                      “แฮก แฮกๆ ทำไมเจ้าถึง....”

      “เพราะเราเป็นเพื่อนกัน ถ้าเพื่อนเดือดร้อน เพื่อนก็ต้องช่วยเพื่อน” เอดริกยิ้ม

      “แล้วเจราลล่ะ”

      ทั้งสองเดินไปหลังก้อนหินใหญ่ก่อนจะพบร่างของเจราลนอนแน่นิ่งอยู่ที่ก้อนหิน งูพิษตัวใหญ่เลื้อยผ่านร่างเขาไป

      ขะ...เขาตายแล้วมิคาเอลลิสตกใจ

      “.......”

      “........”

      ฟุ่บ

      “ถึงเขาไม่ดีไปบ้าง แต่เขาก็เป็นเพื่อนของเรา”เอดริกเอ่ย โยนคบไฟไปที่ร่างเจราล อย่างน้อยก็ขอให้จัดการร่างของเขาให้เรียบร้อย

       

      ในที่สุดทั้งสองเดินทางมาถึงเชิงป่า  การเดินทางสิ้นสุดลงแล้ว

      ป่านี่มันก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่ตำนานเล่ามา

      “จินตนาการของคนต่างหากที่น่ากลัว เปลี่ยนสิ่งที่ไม่มีให้มี เปลี่ยนสิ่งที่มีให้ไม่มี บางทีบรรพบุรุษของเราอาจจะต้องการปกป้องความสวยงามของป่านี้ก็ได้เหมือนอย่างที่เราเห็นเมื่อคืนไง”เอดริกตอบ

      เมื่อคืนนี้เมื่อมิคาเอลลิสก้มลงมองไปในเหวก็พบว่าด้านล่างของเหวนั้นมีทุ่งดอกแสงจันทร์ที่กำลังส่องแสงสะท้อนกับดวงจันทร์บนท้องฟ้า

                      พวกเขาออกมาแล้วชาวเมืองร้องทักเมื่อพวกเขากลับเข้าไปในเมือง ทั้งสองเดินทางไปพบพระราชาทันที

                      ดอกแสงจันทร์ดอกนี้พวกเราขอมอบให้ท่านเพื่อไปรักษาเจ้าหญิง และข้าอยากบอกท่านว่าคนที่พบดอกแสงจันทร์ดอกนี้คือ....มิคาเอลลิสมองหน้าเอดริก

                      “คือเอดริก”

      “.......”เอดริกตกใจ และจะค้านขึ้นมา

      “ผู้ชายคนนี้เป็นคนดี และกล้าหาญเหมาะสมกับเจ้าหญิงที่สุดแล้ว”

      “แต่ท่าน....”

      “เพื่อตอบแทนเรื่องในวันนั้น และตอบแทนเพื่อนอย่างเจ้า”มิคาเอลลิสตอบ เขาคิดว่านี่คือสิ่งที่เขาสมควรทำ และเขามีความสุขที่ได้ทำมันมอบให้กับเพื่อนอย่างเอดริก บุคคลที่เขาเคยดูถูกว่าต้อยต่ำ แต่แท้จริงแล้วกลับมีค่ามากกว่าบางคนหลายเท่านัก

                      เหมือนอย่างที่เอดริกว่า ความคิดของมนุษย์เป็นสิ่งที่น่ากลัวจริงๆ

                      หลังจากนั้นไม่นานอาณาจักรแห่งนี้ก็มีพระราชาปกครองนามว่าเอดริกครองรักกับพระราชินีซาแมนธาร์สืบต่อไปนานแสนนาน

       

                      “ฟี้......เด็กชายนอนหลับตาพริ้มอยู่บนเตียงใหญ่  ชายหนุ่มมองหน้าลูกชายอย่างเอ็นดู  เขาทอดสายตามองไปยังนอกหน้าต่าง คืนนี้พระจันทร์เต็มดวงสีเงินยวงสวยงาม

                      “เหมือนกับวันนั้นเลยนะเอดริก”มิคาเอลลิสยิ้มก่อนจะปิดประตูห้องบุตรชาย

                      
      .............................................................................................................

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×